วัฒนธรรมการเชิดสิงโตการเชิดสิงโตนั้นมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งมีอายุมากกว่าร้อยปีแน่นอน แต่เรารู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้ว การเชิดสิงโตนั้น ไม่ได้เพียงเกิดขึ้นตามตำนานความมหัศจรรย์ หรือเทพนิยายเทพเจ้า เพียงอย่างเดียว แต่ว่ามีอีกเรื่องราวหนึ่งที่น้อยคนมากจะรับรู้ว่าการเชิดสิงโตนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
การเชิดสิงโต ถือเป็นสัญลักษณ์ของการมีอำนาจ บารมี ความยิ่งใหญ่ ในสมัยโบราณจึงได้มีการประดิษฐ์หัวสิงโตขึ้นมาใช้ทำการแสดงเพื่อสรรเสริญบารมีของกษัตริ โดยหัวสิงโตในสมัยโบราณ จะมีจมูกสีเขียว (ที่ต้องเป็นสีเขียว เพราะคำว่า "ชิง" 清 ของชื่อราชวงศ์ชิง ออกเสียงเหมือนกับคำว่า 青 ที่แปลว่าสีเขียว) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ลมหายใจคือราชวงศ์ชิง และบนหัวสิงโตจะมีสัญลักษณ์ 王 (หวาง) ซึ่งแปลว่ากษัตริย์ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการเทิดทูนองค์พระมหากษัตริย์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงกลอุบาย เพื่อให้ได้นำสิงโตเข้าไปทำการแสดงอย่างใกล้ชิดกษัตริย์ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้ทำการล้มราชบัลลังก์ให้ได้ง่ายที่สุด
การแสดงเชิดสิงโตกินส้ม กินผัก นั้นมีชื่อการแสดงว่า "ไฉ่ชิง" (采青 ) ซึ่งแปลตรงๆว่า ถอนสีเขียว ซึ่งมีความหมายที่เป็นนัยว่า "การล้มชิง" ซึ่งคนจีนเชื่อว่า การแสดงเชิดสิงโตไฉ่ชิงนั้น เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง จากยุคมืด ไปสู่ยุคที่เจริญรุุ่งเรือง โดยสาเหตุที่คนจีนคิดการแสดงชุดนี้ โดยกาารให้สิงโตนั้นกินผัก เพราะว่า ผักนั้นเป็นสีเขียว แทนสัญลักษณ์ของคำว่า "ชิง" ของราชวงศ์ชิง โดยสิงโตจะทำการเชิดสิงโตในท่วงท่าที่น่าเกรงขาม และสื่อถึงความพยายาม ในการเข้าไปกินผัก หรือการเข้าถึงตัวราชวงศ์ชิง และหลังจากนั้น สิงโตจะทำการกินผักเข้าไป และเคี้ยวให้ละเอียด และทำการคายทิ้ง นั่นหมายความว่า สิงโตได้ล้มราชวงศ์ชิงสำเร็จแล้ว และหลังจากนั้นสิงโตจะทำการแทนที่ผักด้วยส้ม ที่เรียงเป็นอักษรจีนมงคลต่างๆ เพราะส้มนั้นตามความหมายของชาวจีนคือทองคำ เพราะกลีบของเนื้อส้มนั้นมีลักษณะคล้ายก้อนทองในสมัยโบราณของจีน เป็นอันเสร็จสมบูรณ์สำหรับการแสดงเชิดสิงโตอวยพรที่ขื่อ "ไฉ่ชิง"
แต่ก็ได้มีการแปลความหมายไปในทางความเป็นสิริมงคลเช่นเดียวกัน เช่น ผักในภาษาจีนนั้น มีความหมายเป็นเงิน เพราะคำว่าผัก หรือ "ฉ่าย" (菜) นั้นพ้องเสียงกับคำว่า "ฉาย" (财) ที่แปลว่าเงิน การที่สิงโตกินผักแล้วคายออก จึ้งตีความหมายเป็นการแบ่งปันเงินทอง หรือมอบโชคลาภ มอบเงินทอง ให้กับผู้ที่ได้พบเห็นและสภานที่นั้นๆนั่นเอง
นอกจากผัก และส้มแล้ว ยังมักนิยมใช้ผลไม้มงคลอื่นๆของชาวจีน สำหรับการแสดงไฉ่ชิงด้วยเช่นกัน เช่น
ส้มโอ ความหมายคือ การไม่มีที่สิ้นสุด Infinity
กล้วยหอม ความหมายคือ รายได้ เพราะหวีกล้วยนั้นมีลักษณะคล้ายฝ่ามือ คล้ายกับการแบมือเพื่อรับเงิน
ต้นกระเทียม ความหมายคือ เงิน
สับปะรด ความหมายคือ การเจริญรุ่งเรือง เป็นต้น
การแสดงไฉ่ชิงนั้น ไม่ได้มีเพียงลักษณะเดียวเท่านั้น แต่มีมากมายหลายร้อยรูปแบบ แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของงาน หรือเรียกได้ว่า ในแต่ละรูปแบบนั้น มีการเล่นไฉ่ชิงในรูปแบบของฮวงจุ้ย ที่แตกต่างกันออกไปตามความต้องการของผู้ใช้บริการ คล้ายกับการจ้างซินแสหรือหมอดูไปดูฮวงจุ้ยเวลาจะเปิดกิจการ หรือขึ้นบ้านใหม่เลยทีเดียว